Thursday, May 17, 2007

003 โดยปรมัตถ์ ธาตุ ๔ ก็ไม่ควรยืดถือ

Source: http://www.84000.org/true/003.html


ปัญหา: การที่พระพุทธองค์ตรัสถึงเรื่องธาตุ ๔ นั้น พระองค์ทรงเชื่อว่ามีธาตุ ๔ จริง ๆ หรือเพราะทรงเรียกตามโวหารโลกที่คนเข้าใจกันอยู่ในสมัยนั้น ? มีพระพุทธพจน์ตอนไหนบ้างที่แสดง ธาตุ ๔ เป็นแต่สิ่งสมมติ ?

พุทธดำรัสตอบ:
“....ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ปุถุชนในโลกนี้ ไม่ได้สดับ ไม่ได้พบพระอริยะ
ไม่ฉลาดในธรรมของพระอริยะ
ไม่ได้รับคำแนะนำในธรรมของพระอริยะ
ไม่ได้เห็นสัตบุรุษ ไม่ฉลาดในธรรมของสัตบุรุษ
ไม่ได้รับคำแนะนำในธรรมของสัตบุรุษ
ย่อมรู้ธาตุดิน .... ย่อมรู้ธาตุน้ำ ... ย่อมรู้ธาตุไฟ ...
ย่อมรู้ธาตุลม...โดยความเป็นธาตุลม

ครั้นรู้ธาตุลมโดยความเป็นธาตุลมแล้ว
ย่อมสำคัญหมายธาตุลม
ย่อมสำคัญหมายโดยความเป็นธาตุลม
ย่อมสำคัญหมายธาตุลมว่าเป็นของเรา
ย่อมยินดีธาตุลม

ข้อนั้นเพราะอะไร

เรากล่าวว่า เพราะเขาไม่ได้กำหนดรู

“ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ...
ภิกษุใดเป็นอรหันต์ขีณาสพ
อยู่จบพรหมจรรย์เสร็จกิจแล้ว
ปลงภาระเสียแล้ว บรรลุถึงประโยชน์ตนแล้ว
สิ้นกิเลสเครื่องประกอบสัตว์ไว้ในภพแล้ว
หลุดพ้นด้วยปัญญาอันชอบแล้ว
แม้ภิกษุนั้นย่อมรู้ธาตุดินโดยความเป็นธาตุดิน....
ย่อมรู้ธาตุน้ำโดยความเป็นธาตุน้ำ ...
ย่อมรู้ธาตุไฟโดยความเป็นธาตุไฟ...
ย่อมรู้ธาตุลมโดยความเป็นธาตุลม....

ครั้นรู้ธาตุลมโดยความเป็นธาตุลมแล้ว
ย่อมสำคัญหมายธาตุลม
ย่อมไม่สำคัญหมายโดยความเป็นธาตุลม
ย่อมไม่สำคัญหมายธาตุลมว่าเป็นของเรา
ย่อมไม่ยินดีในธาตุลม

ข้อนั้นเพราะเหตุไร

เพราะเธอกำหนดรู้แล้วฯ”

มูลปริยายสูตร มู. ม. (๒)
ตบ. ๑๒ : ๑-๒ ตท. ๑๒ : ๑-๒
ตอ. MLS. I : ๓-๔


---------------------

ในส่วนนี้ ในฐานะคนที่พอจะปฏิบัติธรรมมาบ้าง คิดว่าพอจะเข้าใจนิดหน่อย ถึงแม้จะเป็นแค่ในขั้นกึ่งคิด กึ่งนึก แต่ก็พอนึกแล้ว ก็ให้อัศจรรย์ใจในคำตอบของพระพุทธเจ้ามาก เพราะการที่จะเข้าไป "กำหนดรู้" ได้นั้นไม่ง่ายเลย แต่ถ้าพอทำได้บ้างแล้วนั้น ก็จะเป็นประมาณอย่างที่ท่านว่าจริง ๆ อย่างน้อยก็สองข้อหลัง คือ ย่อมไม่สำคัญหมายธาตุลมว่าเป็นของเรา และ ย่อมไม่ยินดีในธาตุลม นั้น การเจริญสติวิปัสสนาในคอร์ส ๗ วันนั้น ทำให้เข้าใจตรงนั้ชัดมาก

อนึ่ง ธาตุทั้ง ๔ คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ นั้น รวมเรียกว่า มหาภูติรูป ถ้าจะฝึกวิปัสสนา จะเห็นชัดอยู่ในฐานธรรมานุปัสสนา แต่เวลาทำจริง ๆ นั้นไม่จำเป็นต้องไปต้องว่าตอนนี้กำหนด "ฐานไหน" เพียงแต่ให้รู้ว่าตอนนี้มีอะไรมากระทบกายและใจ อย่างไร ให้เท่าทันปัจจุบัน และไม่ต้่องมีอะไรมาปรุงแต่ง และกำหนดแล้วก็ปล่อยทิ้ง ไม่หน่วงเหนี่ยวเคล้ัาคลึงอารมณ์ให้มันหลุดปัจจุบันก็พอแล้ว


No comments: